
ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ประชาชนไทยจำนวนไม่น้อยประสบปัญหา “อายัดบัญชีธนาคาร” ซึ่งสร้างผลกระทบต่อการทำธุรกรรมประจำวันอย่างมาก โดยเฉพาะกรณีที่ผู้บริสุทธิ์ถูกอายัดบัญชีเพียงเพราะมีเส้นทางการเงินเชื่อมโยงกับ “บัญชีม้า” หรือกลุ่มมิจฉาชีพออนไลน์ ก่อให้เกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์ว่าเป็นการละเมิดสิทธิของประชาชนสุจริต
ล่าสุด รัฐบาล ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ปรับแนวทางใหม่ คือการ อายัดเฉพาะยอดเงินที่ต้องสงสัย ไม่ใช่ทั้งบัญชีทั้งหมด เพื่อลดผลกระทบต่อผู้บริสุทธิ์
1. ความหมายของการอายัดบัญชี
อายัดบัญชี คือการสั่งระงับการเคลื่อนไหวของเงินในบัญชีธนาคาร เพื่อป้องกันไม่ให้มีการยักย้ายถ่ายเทในระหว่างการสอบสวนหรือพิจารณาคดี โดยบัญชีที่ถูกอายัดจะไม่สามารถโอน ถอน หรือใช้เงินได้ตามปกติ
ประเภทของการอายัดบัญชี
อายัดตามคำสั่งศาล – ศาลออกหมายเพื่อป้องกันการยักย้ายทรัพย์ในคดีแพ่งหรือคดีอาญา
อายัดโดย ปปง. – ใช้กับคดีที่เกี่ยวข้องกับการฟอกเงิน
อายัดโดยเจ้าหน้าที่ตำรวจ – เมื่อมีการร้องทุกข์เกี่ยวกับการฉ้อโกงหรืออาชญากรรมทางเทคโนโลยี
อายัดบัญชีม้า – กรณีที่บัญชีถูกใช้โดยมิจฉาชีพเพื่อรับ-โอนเงินผิดกฎหมาย
อายัดโดยธนาคาร – ธนาคารบางแห่งอาจระงับธุรกรรมชั่วคราว หากพบพฤติกรรมที่ผิดปกติ เพื่อป้องกันการฟอกเงิน
2. อัปเดตล่าสุด: ปัญหาที่เกิดขึ้น
ในปี 2568 มีประชาชนจำนวนมากร้องเรียนว่า บัญชีถูกอายัดโดยไม่รู้ตัว เพียงเพราะมีการรับโอนจากบัญชีที่ถูกระบุว่าเป็นบัญชีม้า ส่งผลกระทบต่อผู้สุจริตที่ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้อง
ผลกระทบต่อผู้บริสุทธิ์ – ร้านค้าออนไลน์ พ่อค้าแม่ค้าหลายรายไม่สามารถใช้บัญชีรับโอนได้
ความล่าช้าในการปลดอายัด – บางรายต้องใช้เวลาหลายสัปดาห์กว่าจะพิสูจน์ความบริสุทธิ์
ความไม่โปร่งใส – ขั้นตอนอายัดและปลดอายัดยังไม่ชัดเจน ประชาชนไม่ทราบว่าจะต้องติดต่อที่ใด
สิ่งเหล่านี้สร้างความกังวลและลดความเชื่อมั่นของประชาชนต่อระบบธนาคารไทย
3. สิทธิของผู้ถูกอายัดบัญชี
หากบัญชีถูกอายัดโดยไม่มีคำสั่งศาลหรือหน่วยงานที่มีอำนาจตามกฎหมาย ผู้ถูกอายัดมีสิทธิร้องเรียนและอาจเรียกร้องค่าเสียหายได้
สิทธิขอเหตุผลเป็นลายลักษณ์อักษร จากธนาคาร
สิทธิร้องเรียน ไปยัง ธปท. หรือ สำนักงานคุ้มครองผู้บริโภค
สิทธิในการฟ้องร้องเรียกค่าเสียหาย หากพิสูจน์ได้ว่าการอายัดไม่ชอบด้วยกฎหมาย
4. วิธีปลดอายัดบัญชี
รวบรวมหลักฐาน – เอกสารธุรกรรม สลิปโอนเงิน ข้อความการซื้อขาย
ติดต่อธนาคาร – แจ้งปัญหาและขอรายละเอียดว่าทำไมบัญชีถูกอายัด
ร้องเรียนต่อหน่วยงานกำกับดูแล – เช่น ธปท. หรือ ศปอท.
ฟ้องร้องในกรณีจำเป็น – หากไม่ได้รับความเป็นธรรม
5. นโยบายใหม่: อายัดเฉพาะยอดเงินต้องสงสัย
ที่มา
รัฐบาลและหน่วยงานกำกับได้ออกนโยบายใหม่ภายใต้พระราชกำหนดมาตรการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2568 โดยเน้นว่า ธนาคารจะต้องอายัดเฉพาะยอดเงินที่ต้องสงสัยว่ามีความเกี่ยวข้องกับบัญชีม้า ไม่ใช่เงินทั้งหมดในบัญชี
รายละเอียดของมาตรการ
ธนาคารจะ “ระงับธุรกรรมชั่วคราว” เฉพาะวงเงินที่เกี่ยวข้องกับการโอนต้องสงสัย
เงินส่วนอื่น ๆ ของบัญชียังคงใช้ได้ตามปกติ
การอายัดทั้งบัญชียังคงเป็นอำนาจของศาลหรือ ปปง. เท่านั้น
ผลลัพธ์ที่คาดหวัง
ลดความเดือดร้อนของประชาชนผู้สุจริต
ปิดเส้นทางการเงินของแก๊งมิจฉาชีพ
เพิ่มโอกาสในการคืนเงินให้ผู้เสียหายได้รวดเร็วขึ้น
6. บทบาทของศปอท. และศูนย์ AOC
เพื่อให้ประชาชนที่ถูกอายัดโดยไม่เกี่ยวข้องได้รับการช่วยเหลือ รัฐบาลได้จัดตั้ง ศูนย์ AOC (Anti Online Crime) ภายใต้ศปอท. มีสายด่วน 1441 สำหรับตรวจสอบและปลดล็อกบัญชี
หากพบว่าเจ้าของบัญชีไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง ศปอท. จะสั่งปลดล็อกทันที
ประชาชนไม่ต้องกังวลว่าจะถูกเรียกข้อมูลส่วนตัว เพราะหน่วยงานรัฐจะไม่ติดต่อโดยตรงเพื่อขอรหัสผ่านใด ๆ
7. ประเด็นปัญหาและข้อเสนอแนะ
แม้มาตรการใหม่นี้จะช่วยบรรเทาปัญหาได้มาก แต่ยังมีข้อท้าทาย
ความเข้าใจผิดของประชาชนที่คิดว่า “บัญชีถูกอายัดทั้งหมด”
ความล่าช้าในการสื่อสารของธนาคาร
กรณีบัญชีติดลบเพราะระบบอายัดวงเงิน
ข้อเสนอแนะ
ธนาคารควรสื่อสารชัดเจนกับลูกค้า
เร่งปลดอายัดบัญชีผู้สุจริตภายในเวลาไม่เกิน 7 วัน
จัดอบรมให้ประชาชนรู้เท่าทันการใช้บัญชีม้า
8. สรุป
การอายัดบัญชีเป็นมาตรการสำคัญในการป้องกันอาชญากรรมทางการเงิน แต่ที่ผ่านมาได้ส่งผลกระทบต่อผู้บริสุทธิ์จำนวนมาก การปรับแนวทางใหม่ให้ อายัดเฉพาะยอดเงินต้องสงสัย ถือเป็นก้าวสำคัญในการรักษาสมดุลระหว่างการปราบปรามมิจฉาชีพและการคุ้มครองสิทธิของประชาชน
ประชาชนควรรู้สิทธิของตนเอง หากถูกอายัดบัญชีโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย สามารถร้องเรียนหรือฟ้องร้องเพื่อขอความเป็นธรรมได้ ขณะเดียวกันก็ควรระมัดระวังไม่ให้บัญชีของตนตกไปอยู่ในเส้นทางของบัญชีม้า